ถาม : คุณ TCB ครับ สายพาน ที่โรงงานมีปัญหาตอนสตาร์ทคือพอเริ่มสตาร์ท สายพาน จะลื่น (Slip) ทุกครั้งมีคำแนะนำอะไรดีๆบ้างรึเปล่าหรือมีวิธีแก้ไขยังไงบ้างช่วยบอก หน่อยครับ
ตอบ : สายพาน ลื่น (Slip) โดยทั่วไปแล้วมีหลายสาเหตุ
1.สายพาน ลื่น มีสาเหตุมาจากแรงฉุด(T1) ซึ่งเกิดจากแรงเสียดทานระหว่าง สายพาน และ Drive Pulley มีน้อยเกินไปไม่เพียงพอที่จะขับเคลื่อน ระบบ สายพาน ลำเลียง สู้กับแรงเสียดทาน (friction) ที่เป็นแรงต้านได้จึงทำให้ Drive Pulley หมุนฟรี โดยลักษณะของการหมุนฟรีเปรียบคล้ายกันกับลักษณะของรถยนต์ เมื่อวิ่งอยู่ บนพื้นทรายล้วนๆด้วยความดันลมปรกติ ล้อรถยนต์ก็จะหมุนฟรีหรือลื่นได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อที่จะให้รถยนต์วิ่งต่อไปได้ต้องทำให้หน้ายางของล้อรถยนต์สัมผัสกับทรายให้มากขึ้น โดยการปล่อยลมยางออกมาทำนองเดียวกัน สำหรับ สายพาน หากต้องการให้ สายพาน ทำงานได้ไม่ลื่นก็ต้องเพิ่มแรงเสียดทานระหว่าง สายพาน และ Drive Pulley ให้มากขึ้นคือการ เพิ่มมุมโอบ (wrap angle) ให้มากขึ้นเพราะยิ่ง มุมโอบ มีมากเท่า ไหร่ แรงฉุดสายพาน ก็จะมีค่ามากขึ้นตาม ซึ่งวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ในการเพิ่ม มุมโอบ ก็คือการติดตั้ง Snub Pulley ที่ด้านล่างของ Drive Pulley ก็จะช่วยให้แรงฉุด สายพาน ของท่านมี

รูปที่ 1 แสดงลักษณะแรงดึงบน สายพาน และมุมโอบที่เพิ่มขึ้นจากการติด Snub Pyulley

รูปที่ 2 แสดงลักษณะของ Snub ที่ติดตั้งเพิ่มเข้าไป
ค่ามากขึ้นและฉุดให้ สายพาน ของท่านทำงานได้หากยังมีปัญหาว่า สายพาน ยังลื่นไม่หายก็ต้อง หุ้มยาง Drive Pulley เพิ่มเพื่อเพิ่ม แรงเสียดทาน(แรงฉุด)ให้สูงขึ้นอีก ถ้าหาก สายพาน อยู่ใน สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือเปียกน้ำจะทำให้แรงเสียดทานแรงฉุดลดลงได้เช่นกัน ในสภาพสิ่งแวดล้อมแบบนี้ขอแนะนำให้ใช้ยางแบบบากร่อง (Groove) หุ้ม Pulley แบบเรียบ เพราะยางแบบบากร่อง จะมีช่องระบายน้ำระหว่าง สายพาน และPulley แทนการหุ้มยางทำให้ผิวสัมผัสฝืดขึ้น สายพาน ก็ จะหมุนได้ (เหมือนยางรถยนต์ที่ต้องมีดอกยางเพื่อรีดน้ำในขณะที่วิ่งบนทางเปียกเพื่อให้ยางจับกับ พื้นถนนได้ดีและไม่ลื่นไถลหากไม่มีดอกยางล้อรถจะสัมผัสกับฟิล์มบางๆของน้ำ (Water Film) แทนที่จะสัมผัสกับผิวถนนจะต้องทำให้เกิดการลื่นไถล)

รูปที่ 3 แสดงลักษณะของพูลเลย์ที่มีการหุ้มยางเพิ่ม
หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของแรงเสียดทานมากขึ้นไปอีกก็ต้องเพิ่ม อุปกรณ์ ทำความสะอาดสายพาน
(Belt Cleaner)เพื่อทำให้ผิวหน้า สายพาน สะอาดก็จะช่วยให้ สายพาน ทำงานได้ดีขึ้น
2.ตุ้มถ่วง (Counter weight) อาจจะเบาเกินไปทำให้มีแรงด้านหย่อนน้อย (Slack side tension, T2 มี ค่าน้อยไป) สายพาน ก็ Slip ได้ ดังนั้นก็ต้องเพิ่มน้ำหนักของ ตุ้มถ่วง เพื่อปรับค่าT2 ให้มาก ขึ้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่พอช่วยได้

รูปที่ 4 แสดงการติดตั้ง Gravity Take-Up

รูปที่ 5 แสดงลักษณะการปรับตั้ง Gravity Take-Up
3.สำหรับ ระบบ สายพาน ลำเลียง ที่ใช้ Screw Take-up เป็นตัวปรับความตึง ต้องลองปรับScrew Take-Upให้ตึงขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม Wrap Factor และค่า T2 แรงเสียดทาน (แรง ฉุด) ก็จะเพิ่มขึ้นตาม ไปด้วยเช่นกัน
รูปที่ 6 แสดงลักษณะจุดที่ติดตั้ง Screw Take-Up
4.มีเศษวัสดุติดตาม สายพาน Roller และ Pulley ก็เป็นสาเหตุให้ สายพาน Slip ได้เช่นกัน ดังนั้น ต้อง ทำความสะอาด สายพาน ทั้ง ระบบ อย่างสม่ำเสมอและติดตั้ง อุปกรณ์ทำความสะอาด เพิ่ม เติม....
5. ควรตรวจสอบ ยางหุ้ม Pulley ว่าสึกหรอหรือไม่หากเสียหายมากควรทำการ หุ้มยางใหม่
รูปที่ 7 แสดงการสึกหรอของยางหุ้ม Pulley
6.ต้องทำการตรวจสอบ Roller ว่ายังหมุนได้คล่องดีหรือไม่ หากมีเศษวัสดุติดต้องเอา ออกและ ทำความสะอาด เพราะหาก Roller มีความฝืด ระบบก็ต้องใช้แรงในการขับเคลื่อนสูง ขึ้น กว่าปกติเพื่อเอาชนะความฝืดให้ได้ดังนั้น เมื่อ Roller ฝืดต้องทำการหล่อลื่น Roller เป็นประจำ และสม่ำเสมอเช่นกัน แต่อย่าใช้น้ำมันหล่อลื่นมากเกินไปจนหกเลอะเทอะลงบน สายพาน เพราะ จะทำให้ สายพาน เสียหายเนื่องจากน้ำมันหล่อลื่นได้ หาก สายพาน นั้นไม่ใช่ประเภทที่ผลิตเพื่อ ให้ทนต่อสภาพที่ต้องสัมผัสกับน้ำมัน (oil resistance) ได้

รูปที่ 8 แสดงลักษณะของลูกกลิ้งที่มีวัสดุเกาะติดจนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้
“...เลือกสายพานไทยไว้ดูและระบบสายพานลำเลียงของท่าน เพราะด้วยอุดมการณ์ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์
และของทีมงาน ท่านจะวางใจได้ว่าระบบของท่านจะไม่สะดุด เพราะสายพานหยุดเดิน...”
หรือติดต่อ.......