วันนี้วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 AV ขอกราบประทานอภัยแฟนคลับทุก ๆ ท่านเลยนะคะ ที่หายหน้าหายตาไปในเดือนตุลาคมทั้งเดือน คิดถึงมาก ๆ ๆ ค่ะ ... แต่เผอิญ AV ติดภาระกิจสำคัญ ต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศ เป็นงานผลิตสายพานค่ะ ออกเดินทางกลางๆเดือนเพิ่งกลับมาเมื่อปลายเดือนตุลาคมนี้เอง คอยพบกับเรื่องราวดี ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการผลิตสายพานและ TIP ต่างๆ เกี่ยวกับสายพาน AV จะนำมาเสนอนะค่ะ ขอฉายหนังตัวอย่าง เรื่องที่น่าสนใจ เช่น เขาผลิตสายพานกันอย่างไร การทดสอบว่าสายพานมีคุณสมบัติสำคัญๆ ที่ผู้ใช้งานควรจะรู้มีอะไรบ้าง เขาใช้เครื่องมืออะไรทดสอบ AV จะแฉให้ทราบจนหมดเปลือก หมดไส้หมดพุงทีเดียวล่ะค่ะ
แต่วันนี้ขอเสนอเรื่องตามคำขอของมิตรรักแฟนคลับจากยะลาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อันแสนไกลก่อนนะค่ะ คือท่านถามว่าท่านอยากจะเปลี่ยนสายพานปัจจุบันของท่านซึ่งเป็นสายพาน Steel Cord มาเป็นสายพานแบบผ้าใบ (Fabric) ว่าจะทำได้มั๊ย?!? เพราะโรงงานของท่านเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้ไม้ยางพาราเป็นเชื้อเพลิง ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อเวลา load ท่อนไม้ *(เนื่องจากพนักงานที่มีหน้าที่ load ไม้มัก load ด้วยปริมาณมาก ๆๆๆ ) ท่อนไม้จะไปงัดกับสายพาน ทำให้สายพานเสียหายเป็นประจำ และเนื่องจาก โรงงานของท่านอยู่ไกล การซ่อมแซม หรือ ต่อสายพาน Steel Cord จะมีราคาแพง และ ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะพวกน้ำยาที่ใช้ซ่อม หรือต่อ Steel Cord ต้องใช้เวลาในการสั่งซื้อนาน (ไม่มีใครตุนของไว้ขาย) *การหยุดการผลิตนาน ๆ ทำความเสียหายแก่ท่านเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นท่านก็เลยขอคำปรึกษา มาว่า จะเปลี่ยนสายพานทุกเส้นที่เป็น Steel Cord ให้เป็นสายพานแบบผ้าใบ ดีหรือป่าวหนอ?!?!?
เรื่องนี้ AV อยากขอแบ่งการปุจฉา และวิสัชนาเป็น 2 ส่วนๆแรก เป็นเรื่องการคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ และส่วนที่สองเป็นความเป็นไปได้ทางเทคนิค
อันดับแรกความคุ้มค่าทางด้านการเงิน เรื่องนี้ท่านจะเป็นผู้รู้ดีที่สุด เพราะราคาสายพาน Steel Cord ที่ท่านลงทุนไปนั้นราคามันสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับสายพานแบบผ้าใบ ราคาของ Steel Cord belt อาจจะมีราคาสูงกว่าสายพานผ้าใบ 2 เท่าขึ้นไป ดังนั้นท่านควรใช้สายพาน Steel Cord ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้คุ้มค่าเสียก่อน หมายความว่า ท่านควรใช้สายพาน ไปก่อนจนผิวหน้าของสายพานสึกหรอจนเกือบจะถึงเหล็กแล้ว ค่อยพิจารณา ว่าจะเปลี่ยนเป็นสายพานผ้าใบดีหรือไม่ โรงงานของท่านเพิ่งติดตั้งสายพาน Steel Cord เพียง 1 ปีเท่านั้น ท่านยังมีเวลาอีกประมาณ 5 ปี ที่จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากในสภาพการใช้งานปรกติสายพาน Steel Cord มีอายุการใช้งานนาน5-8 ปีทีเดียว

ภาพที่ 1.1
อันดับที่สอง คือ เรื่องที่เป็นไปได้ทางเทคนิค ซึ่งเท่าที่ AV คิดได้ตอนนี้ น่ามีสัก 2 เรื่องที่ต้องพิจารณา
1. เรื่องระยะ take up ของของระบบสายพานลำเลียง

ภาพที่ 1.2
“ภาพสะเก็ต โครงสร้างของระบบสายพานลำเลียง”
เมื่อตอนที่ผู้ออกแบบระบบสายพานของโรงงานของท่านให้ใช้สายพานเป็น Steel Cord AV เชื่อว่าผู้ออกแบบ ได้ออกแบบ ระยะ take-up ให้เหมาะสมกับการยืดตัว (Elongation) ของสายพาน Steel Cord ซึ่งสายพาน Steel Cord มีคุณสมบัติยืดตัวได้น้อยมากเมื่อเทียบกับสายพานผ้าใบ (Fabric) โดยสายพานผ้าใบจะยืดตัวมากกว่าสายพาน Steel Cord ถึง 3-4 เท่า ตัวอย่างเช่น
ภาพที่ 1.3
Line สายพานของท่านที่มีความ ยาว 200 เมตร (Center to Center)ถ้าหากเป็นสายพาน Steel Cord ต้องการระยะเผื่อสำหรับ take up(S2)เพียง 1 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าเป็นสายพานผ้าใบ (Fabric) ก็ต้องการระยะ S2 ถึง 4 เมตร เป็นต้น ดังนั้นถ้าโครงสร้างของระบบลำเลียงไม่ได้เผื่อระยะนี้ไว้เพียงพอ ก็เป็นการลำบากที่จะใช้สายพาน fabricแทน Steel Cord เพราะสายพาน Fabricยืดตัวมากเกินไป ท่านต้องทำการติดต่อสายพาน ให้มีระยะพอเหมาะกับระยะ take up(S2)อยู่บ่อย ๆ เพราะระยะ take up (S2)ที่ออกแบบมาเดิมนั้นไม่เพียงพอสำหรับ Fabric Belt

ภาพที่ 1.4
2. ประเด็นที่ 2 น่าจะเป็นเรื่อง Minimum Pulley diameterท่านอาจจะต้องกลับไปสอบถามผู้ออกแบบของท่านว่า ถ้าท่านต้องการเปลี่ยนสายพานเป็น Fabricนั้น ต้องใช้สายพาน Specอะไร ผ้าใบกี่ชิ้น จากนั้น ท่านก็มาเช็คกับตารางข้างล่างนี้ว่า สายพานที่ท่านเลือกใช้นั้น สามารถใช้กับ Pulleyลูกที่เล็กที่สุดใน lineสายพานของท่านได้หรือเปล่า
ภาพที่ 1.5
อ๋อ. ท่านต้องไม่ลืมว่า สายพานผ้าใบที่ท่านเลือกใช้ ต้องมีความสามารถในการรับแรงดึง (Tensile strength) เท่ากับสายพาน Steel Cordที่ท่านมีอยู่เดิมด้วยนะคะ
ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่นเรื่อง ผิวหน้า (Cover Rubber)ของสายพานก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะSteel Cord Belt และ Fabric Belt ต่างก็สามารถผลิตผิวหน้าของสายพานได้ ตามความต้องการอยู่แล้ว
“...เลือกสายพานไทยไว้ดูและระบบสายพานลำเลียงของท่าน เพราะด้วยอุดมการณ์ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์
และของทีมงาน ท่านจะวางใจได้ว่าระบบของท่านจะไม่สะดุด เพราะสายพานหยุดเดิน...”
หรือติดต่อ.......