ถูก-แพง-ให้ดูที่เกรดสายพาน
สวัสดีค่ะ วันนี้ ยุ้ย ขอเป็นผู้ประกาศข่าวรายงานเรื่องเกี่ยวกับเกรดของผิวสายพานให้แฟนคลับที่รักทุกท่านทราบกันนะคะ แฟนคลับทราบกันหรือเปล่าว่าราคาของสายพานจะถูกหรือจะแพงนั้นขึ้นอยู่กับเกรดของสายพาน ซึ่งการเลือกเกรดจะ ขึ้นอยู่กับชนิดวัสดุของท่านที่จะขนถ่ายว่าจะเหมาะสมกับเกรดของสายพานชนิดใด เช่น สายพานที่ลำเลียงโดยวัสดุที่เป็น แป้ง , แร่ นั้น แฟนคลับทราบหรือเปล่าว่าจะต้องใช้สายพานลำเลียงเกรดประเภทอะไร เอาเป็นว่า ยุ้ย จะนำเสนอให้ทุกท่านทราบคุณสมบัติของผิวสายพาน เกี่ยวกับประเภทสึกหรอ ให้กับแฟนคลับได้รู้กระจ่างกันเสียที จะได้ไม่ต้องสงสัยหรือกังวลใจว่าจะเลือกสายพานอย่างไรดี นะคะ ยุ้ย ขอแบ่งประเภทของสายพานเป็น 2 ประเภท เพื่อให้แฟนคลับทุกท่านทราบและเป็นเรื่องกล้วยๆสำหรับแฟนคลับทุกท่าน เหมือนสุภาษิตที่ว่า ̎ ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ̎ ยุ้ยขอเริ่มเลยนะคะ ผิวสายพานถ้าแบ่งออกตามประเภทการใช้งานจะแบ่งเป็น 2จำพวกใหญ่ๆ คือ
1. สายพานใช้งานทั่วไป (General Use)
ภาพที่ 1.1
ความหมายการใช้งานสายพานที่คำนึงถึงคุณสมบัติความทนทานต่อการขัดสี (Abrasive) ซึ่งจะเป็นผลทำให้ผิวสายพานสึกหรอ (Wear) ค่าตัวเลขความสึกหรอ (Wear loss) ที่มีค่าน้อย แสดงว่า ผิวสายพานมีความทนทานต่อความสึกหรอสูง มาตรฐานสากล(เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ เยรมัน ญี่ปุ่น และ ISO )ได้กำหนดคุณสมบัติของCover Rubberประเภทนี้ ไว้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เหมือนๆกันระหว่าง ผู้ซื้อ-ผู้ขาย-ผู้ใช้งาน ยุ้ยขอยกตัวอย่างมาตฐานเกรดสายพานบางมาตรฐานตามตารางข้างล่างเพื่อความเข้าใจให้กับแฟนคลับทุกท่าน ที่ยุ้ยรักนะคะ ถ้าไม่รักไม่บอกนะคะเนี่ย
ยุ้ย อยากจะขออธิบายคุณสมบัติของผิวยางซึ่งมี 3 แบบหลักๆที่ใช้กันนะค่ะอยากให้แฟนคลับทุกท่านได้ทราบจะได้เลือกสายพานที่เหมาะสมกับวัตถุดิบที่นำมาลำเลียงสายพานไงค่ะ
ประเภทแรกคือ Min. elongation at break มีหน่วยเป็น % พูดง่ายก็คือถ้าสายพานมีความยืดตัวสูง (ค่า%สูง) คุณภาพของสายพานจะสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า ยิ่งค่าของตัวเลขในตารางที่ยุ้ยนำเสนอ มีค่าสูงเท่าไร สายพานจะมีความทนทานสูงเท่านั้น
ประเภทที่สองคือ Min. Tensile strength มีหน่วยเป็น N/mm ² นั่นก็คือ ความแข็งแรงของตัวยางของสายพาน ที่จะรับน้ำหนัก ถ้าสายพานมีความแข็งแรงมากเท่าไร ก็จะทำให้สายพานรับน้ำหนักของวัสดุได้ดียิ่งขึ้น ระยะเวลาการใช้งานก็จะเพิ่มมากขึ้น และค่าตัวเลขยิ่งมาก สายพานก็ยิ่งมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเช่นกันนะค่ะแฟนคลับทุกท่าน
ประเภทที่สามคือ Max. wear loss ความสามารถในการต้านทานการเสียดสี ถ้าผิวของสายพานถูกเสียดสีมาก ก็จะทำให้มีหน่วยเป็นปริมาตรความสึกหรอ เช่น mm ³ ยกตัวอย่าง กรณีนำกระดาษทรายมาขัดบริเวณผิวสายพาน ถ้าผิวสายพานถูกเสียดสี แล้วถ้าผิวของสายพานหลุดน้อย (ปริมาตรน้อย) เท่ากับว่า มีความทนทานสูงนั่นเองนะค่ะ
ยกตัวอย่างในตารางนะค่ะ เช่น Grade Din x ซึ่งมีค่า Max. Wear lossเท่ากับ 120 และเกรด z เท่ากับ 250 เกรดที่ค่าWear loss น้อยกว่าจะมีคุณภาพสูงกว่า
โปรดสังเกตุว่า “ ราคาของสายพาน ถูกหรือแพงขึ้นอยู่
กับเกรดที่ท่านต้องการ "
ผู้ใช้งานในประเทศไทยเรามักระบุเกรดสายพานตอนที่ซื้อว่าเป็นเกรด M แต่ไม่เคยระบุเลยว่าเกรดM ตามมาตรฐานอะไร ทุกครั้งที่บริษัทสายพานไทยสอบถามกับผู้ผลิตในประเทศไทยก็จะได้คำตอบว่าผลิตเกรด M ตามมาตรฐาน DIN ของเยอรมันฟังผ่านๆก็รู้สึกจะสอดคล้องกันไปหมดไม่น่าจะมีปัญหาแต่ประการใด แต่ในข้อเท็จจริงแล้วมาตรฐาน DIN (โปรดดูตาราง) ระบุเกรดเป็นW,X,Y,Zไม่มีเกรด M แต่ประการใด ดังนั้นเวลาสั่งซื้อควรจะระบุค่าWear Lossและคุณสมบัติอื่นๆ ที่ต้องการน่าจะถูกต้องมากกว่าและควรระบุให้ชัดเจนว่าจะเอาเกรดตามมาตรฐานของ DIN , JIS หรือ ISO เพราะราคาสายพานจะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับเกรดที่ท่านระบุนั้นเอง เช่นเกรด S ของมาตรฐานสูงสุด JISย่อมมีราคาถูกกว่าเกรด Xของมาตรฐาน DIN แน่นอนค่ะ

ตารางที่ 1.2
คราวนี้มาถึง การเลือกเกรดของสายพานกันหน่อย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรเลือกเกรดสายพานชนิดใหนจึงจะเหมาะสมกับการใช้งานของเรา เรื่องง่ายๆค่ะ ยุ้ยมีตารางมาฝากให้ แฟนคลับดูตารางข้างล่างนี้นะค่ะ ก่อนอื่นให้ดูที่ Column ซ้ายมือซึ่งเป็นชนิดของวัสดุทางแฟนๆที่บรรทุก แล้วก็มาดู Column ขวามือสุดในช่อง Possible Effect ตรงช่อง Mech ลงมาข้างล่าง มีเครื่องหมาย
ไม่มีเครื่องหมายอะไรเลย หมายความว่าวัสดุมีคุณสมบัติในการเลือกเกรด DIN Z ก็พอ
มีเครื่องหมาย A หนึ่งอันหมายความว่าวัสดุมีคุณสมบัติในการขัดสีปานกลาง เลือกเกรด DIN— Y
มีเครื่องหมาย B (บวก 2 ตัว) หมายความว่าวัสดุมีคุณสมบัติในการขัดสีมาก เลือกเกรด DIN—X