ยางที่ใช้ทำ สายพาน ลำเลียง สามารถต้านทานน้ำมันได้แค่ไหน
ทุกคนทราบดีว่า ผิวของ สายพาน ลำเลียง ทำด้วย ยาง การเลือกใช้งาน สายพาน แต่ละชนิด ต้องพิจารณาอย่างละเอียดถึงสภาพการใช้งาน เพราะ สายพาน ที่ต้องทำงานใกล้ชิดหรือสัมผัสกับของเหลว (อาจจะเป็น น้ำมันเครื่อง จาระบี น้ำมันพืช หรือน้ำมันสัตว์) ก็ย่อมมีโอกาสที่จะเจอความเสียหายได้ง่าย เช่น อาจเกิดอาการบวมพอง จนกระทั่งความแข็งแรงของ สายพาน ลดลง หรือทำให้ สายพานเสียรูปจนใช้งานไม่ได้ ตัวอย่างที่เราเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น ยางรัดปากถุงแกงหรือถุงกับข้าวจะพองตัวและขาดง่าย เมื่อสัมผัสกับน้ำแกงที่มี น้ำมันพืช หรือน้ำมันสัตว์ เป็นส่วนประกอบของอาหาร


ของเหลวที่สามารถทำลายสายพานของคุณได้
คราวนี้เรามาดูกันว่า มีปัจจัยอะไรเป็นตัวกำหนดว่า ยางแต่ละชนิดมีความสามารถทนทานต่อของเหลวได้มากน้อยอย่างไร ตัวอย่างเช่น การใช้งานของยางที่ต้องสัมผัสกับของเหลวเป็นเวลานานๆ ท่อยางน้ำมันในรถยนต์ ซีลในลูกกลิ้ง ซีลในเครื่องซักผ้า โดยธรรมชาติในการใช้งานยางจะดูดซึมของเหลวเข้าไปในตัวมัน จะซึม ได้เร็ว-ได้ช้า ขึ้นอยู่กับความหนืดของเหลวที่สัมผัสอยู่ ของเหลวที่มีความหนืดสูง จะมีอัตราการแทรกซึม (Penetration Rate) ต่ำ ทั้งนี้ยังต้องขึ้นอยู่กับชนิดของยางด้วย เช่น ยางที่กระเด้งตัว (Resilience) ได้ต่ำ ของเหลวจะแทรกตัวไปในยางได้น้อยกว่ายางที่สามารถกระเด้งตัวได้สูง เป็นต้น
มีผู้ทำการทดลอง การแทรกซึมของน้ำมันเครื่อง เบอร์ SAE 40 เข้าในตัวยาง ปรากฎว่า น้ำมันเครื่องสามารถแทรกซึม เข้าไปในยางธรรมชาติได้ระยะทาง 1 mm. ในเวลา 1 เดือน แต่ถ้าปล่อยให้ยางธรรมชาติ แช่อยู่ในน้ำมันดังกล่าว เป็นเวลา 100 ปี น้ำมันจะแทรกเข้าไปในเนื้อยางได้แค่ 4 cm. เท่านั้น ดังนั้น จากผลการทดลองที่ได้ จึงมีการสร้าง สูตรการหาอัตราการซึมของ ของเหลวเข้าไปในยาง โดยพบว่า อัตราการซึมของ ของเหลวเข้าไปในเนื้อยาง จะขึ้นอยู่กับความหนาของยางและสัดส่วนกับกำลัง ½ ของเวลา ดังสมการ
P = L(t) ½
โดย P = อัตราการซึมของของเหลว
L = ความหนาของยาง
t = เวลา
ดังนั้น สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากยาง คือ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม และประเภทของการใช้งาน เช่น ยางแท่นเครื่องของรถยนต์ ซึ่งหนามาก แม้จะมีโอกาสสัมผัสกับน้ำมันเครื่องอย่างใกล้ชิด แต่ก็ต้องใช้เวลานานมากกว่าน้ำมัน เครื่องจะซึมเข้าไปในยางแท่นเครื่อง จนเสื่อมสภาพไป การใช้ยางธรรมชาติเป็นยางรองแท่นเครื่องเนื่องจากมีคุณสมบัติยืดหยุ่น สามารถดูดซับ (Absorb) การสั่นของเครื่องยนต์ได้ดี และราคาถูก จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
อนึ่ง ถ้าหากผลิตภัณฑ์เป็นยางที่บางๆ (เช่น สายพาน) การพองตัวของยางจะมีผลร้ายแรงต่อคุณสมบัติของยาง ทำให้ยางมีความต้านทานแรงดึงลดลงอย่างรวดเร็ว สายพานจึงมีโอกาสขาดในระหว่างการใช้งานได้ ดังนั้น การพิจารณาใช้ยาง Compound (ยางที่ผสมสาร (Additive) เข้าไปในยางธรรมชาติ ) ที่สามารถต้านทานต่อการบวมพอง เพราะสาร Additive ที่เติมลงไปจะไม่ละลายในของเหลวนั้น ยิ่งปริมาณยางธรรมชาติมีอยู่ในส่วนผสมสายพานน้อยเท่าใด การบวมพองก็น้อยเท่านั้น กรณีอย่างนี้ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่จะใช้ยาง Compound มากกว่ายางธรรมชาติแท้มาก
เอาล่ะ หลังจากอ่านภาษาไทยให้งงๆ กันแล้ว ท่านที่พอเข้าใจภาษาอังกฤษ Snake-Snake Fish-Fish ลองอ่านความหมายต่างๆในภาษาปะกิต เพื่อความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นเป็นส่วนประกอบบ้างก็ได้นะครับ
Natural rubber
Natural rubber is the base material for vulcanized products of the highest elasticity and tear resistance. In addition to high notch impact strengh, these products have good abrasion resistance and low plastic flow characteristics. Natural rubber has the highest dynamic mechanical load-bearing capacity of all elastomers. Resistance to ozone is only moderate, but can be improved with suitable additive. Natural rubber is not resistant to non-polar liquids such as mineral oils, hydrocarbons.
Elasticity
Different degrees of elasticity are found in different unvulcanized rubbers. The elasticity is given in terms of percentage rebound resilience (DIN 53512). High elasticity is equivalent to low damping effect.
Damping
Damping corresponds to the energy loss per oscillation. In vibration engineering damping is expressed as the mechanical loss angle 8. Damping is no constant value but depends on rubber quality, temperature, deformation speed, shaping and the kind of stress applied. In vibration isolation mostly weakly damping compounds are used as these achieve a better insulation effect when vibration is hypercritical.
“...เลือกสายพานไทยไว้ดูและระบบสายพานลำเลียงของท่าน เพราะด้วยอุดมการณ์ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์
และของทีมงาน ท่านจะวางใจได้ว่าระบบของท่านจะไม่สะดุด เพราะสายพานหยุดเดิน...”